┃ทำไม "ด้ายแดง" เป็นสัญลักษณ์ของเนื้อคู่?
หากพูดถึงความรักคงหนีไม่พ้นเรื่อง "เนื้อคู่" แน่นอน หลายคนที่มีความรักแล้วก็อาจจะยังถามหาว่าคู่ของตนนั้นเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการไปดูดวงเนื้อคู่ หรือขอพรเรื่องเนื้อคู่จากสถานที่ เทพต่างๆ เพื่อให้เจอความรักที่เป็นในรูปแบบ "เนื้อคู่" และคำนี้ก็มักจะเชื่อมโยงกับตำนานและความเชื่อเรื่องของ "ด้ายแดง" ที่ทุกคนต่างคุ้นเคยกันอีก
วันนี้จากการที่เราสงสัยว่าทำไม "เนื้อคู่" ไปเกี่ยวอะไรกับด้ายแดงด้วย แล้วด้ายแดงมาจากไหนกันแน่ ทำไมถึงเป็นสื่อด้านความรักได้ วันนี้เราจะมาหาคำตอบด้วยการย้อนความไปถึงต้นกำเนิดของเรื่องราวเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตา หรือพรหมลิขิตที่ทำให้คนสองคนได้มาพบเจอและใช้ชีวิตร่วมกัน ใครเป็นคนลิขิตและทำไมต้องกำหนดให้เป็นเนื้อคู่กัน ตามไปไขข้อสงสัยเหล่านี้ที่ด้านล่างเลยดีกว่า
┃ความเชื่อพื้นฐานของด้ายแดง
มีความเชื่อกันว่า "ด้ายแดง" นี้จะผูกคนสองคนที่โชคชะตาลิขิตไว้ให้มารักกัน ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน หรือต้องผ่านอุปสรรคอะไรก็ตาม ด้ายเส้นนี้จะไม่ขาด แล้ววันหนึ่งจะนำพาคนสองคนนั้นให้ได้มาพบกันไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน
ในมุมมองเชิงโรแมนติก หลายคนจะมองว่าเป็นเรื่องราวอันหวานซึ้ง ที่เหมือนกับการรอใครสักคนที่เกิดมาเพื่อเรา ทำให้รู้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังรอเราอยู่เช่นกัน แต่ในมุมมองเชิงปรัชญาแล้วนั้น "ด้ายแดง" อาจเปรียบเหมือนพลังงานหรือโชคชะตาที่เชื่อมคนบางคนเข้าด้วยกัน แม้เหตุผลจะอธิบายไม่ได้ในทางตรรกะก็ตาม การจะเชื่อว่า "ด้ายแดงมีอยู่จริงไหม?" ก็คงแล้วแต่เราอีกว่า เรามองโลกด้วยสายตาแบบไหน จะเชื่อในโชคชะตาหรือเปล่า จะเชื่อในความบังเอิญหรือไม่ หรือคิดว่าความรักเกิดจากการเลือกของเราเองก็สุดแล้วแต่การมองของแต่ละคนเช่นกัน
มีความสุขแบบไหน กำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหนจงเลือกในสิ่งที่ทำให้ใจเป็นสุขก็พอ อย่าเชื่อจนรอแล้วเกิดทุกข์ เพราะ "ความรัก" ควรจะเป็นนิยามของความสุขสงบมากกว่า หากเชื่อแล้วเกิดความทุกข์ แสดงว่านี่ไม่ใช่มุมมองที่เหมาะและดีกับตัวเรา ให้ลองมองเข้าไปในใจแล้วถามตัวเองอีกครั้ง ความรักที่ดีควรจะมาจากการรักจิตใจตัวเอง การรอที่ดีควรจะรอแบบมีความสุข ไม่ใช่รอแบบมีความคาดหวัง
┃ตำนานด้ายแดงในจีน
ในตำนานเล่าว่า.. ในยุคถัง มีชายหนุ่มชื่อ "เว่ยกู่ (Wei Gu)" เขาอยากแต่งงานจึงเดินทางไปยังเมืองซ่ง เพื่อหาคู่ครอง ระหว่างทางได้พบกับชายชราผู้นั่งอ่านหนังสือภายใต้แสงจันทร์ ชายชราคือ "เย่ว์เหล่า" ผู้ดูแลโชคชะตาความรัก และหนังสือในมือคือ "สมุดรายชื่อคู่แท้" ของทุกคนในโลก เขาเปิดหนังสือให้ดู และบอกว่าเว่ยกู่จะได้แต่งงานกับหญิงคนหนึ่งที่ตอนนี้ยังเป็นเด็กอยู่ เว่ยกู่จะต้องรออีกสิบกว่าปีถึงจะได้แต่งงานกัน
เว่ยกู่ไม่เชื่อ เขาพยายามต่อต้านโชคชะตาด้วยการให้คนไปทำร้ายเด็กคนนั้น แต่เธอรอดชีวิตโดยมีแผลเป็นเล็กๆ ที่หน้าผาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาได้พบหญิงสาวคนหนึ่งโดยบังเอิญ และตกหลุมรักโดยไม่รู้ว่าเธอคือเด็กผู้หญิงคนนั้นในอดีต จนได้เห็นแผลเป็นจางๆ ที่หน้าผาก สุดท้ายเขาก็เชื่อว่า "ฟ้าลิขิตไว้จริง"
ที่มาของด้ายแดงแห่งโชคชะตา มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมจีนโบราณ ก่อนที่แนวคิดนี้จะแพร่หลายไปสู่ญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย โดยมีความเชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่อง โชคชะตา การแต่งงาน และความรักที่ลิขิตไว้ล่วงหน้า
ต้นกำเนิดของตำนานนี้มาจาก "เทพเย่ว์เหล่า (Yue Lao)" ซึ่งเป็นเทพผู้ดูแลเรื่องความรักและการแต่งงาน เชื่อว่าเทพองค์นี้เป็นผู้ "จับคู่" ให้คนที่เหมาะสมกัน โดยใช้ด้ายแดงผูกไว้ที่ข้อเท้าหรือนิ้วของทั้งสองฝ่าย ซึ่งตำนานของเขาปรากฏในวรรณกรรมยุคราชวงศ์ถัง (ราวศตวรรษที่ 9) ซึ่งเป็นยุคที่ความเชื่อเรื่อง "โชคชะตา" และ "การแต่งงานที่ฟ้าลิขิต" ได้รับความนิยม
┃ความหมายด้ายแดงในจีน
"ด้ายแดง" เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ลิขิตไว้แล้ว มักผูกไว้ที่ "นิ้วก้อย" ของทั้งสองฝ่าย "สีแดง" ซึ่งเป็นสีมงคล เป็นสัญลักษณ์ของ ความโชคดี ความรัก และการแต่งงาน ด้ายเส้นนี้จะไม่มีทางขาด แม้จะยืดยาวหรือพันกัน และเชื่อว่าไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หรืออยู่ห่างกันแค่ไหน สองคนที่ถูกผูกด้ายแดงจะได้พบกันในที่สุด และในปัจจุบัน ความเชื่อนี้ก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องโรแมนติก หนัง ละคร หรือการขอพรเรื่องความรักจากเทพเย่ว์เหล่า ที่วัดบางแห่งเช่น วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin) ในฮ่องกง วัดหลงซาน (Longshan Temple) ในไต้หวัน
ท้ายที่สุดแล้วเราจะเจอเนื้อคู่หรือไม่ คนนี้จะใช่เนื้อคู่เราหรือเปล่า ก็คงต้องขึ้นอยู่กับความสุขของทั้งสองคนมากกว่าเรื่องราวความเชื่อเหล่านี้ หากยังไม่มีใครให้ลองมองหาความสุขจากตัวเองไว้ก่อน แล้วความสุขใจของเราจะดึงดูดคนผู้นั้นเข้ามาเองในสักวัน โชคชะตาและความบังเอิญอาจจะนำพา แต่การก้าวเดินต่างเป็นเรื่องการตัดสินใจและการกระทำของตนเองทั้งสิ้น พบเจอ เรียนรู้ และยอมรับอะไรบ้างในบทเรียนต่างๆ ที่ได้ และจะปรับตัวอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการกระทำ การตัดสินใจของแต่ละฝ่ายเช่นกัน เพราะเส้นทางของเนื้อคู่นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอันแสนโรแมนติกหรอกนะ
______________________________
ติดตามการเล่าในเรื่องที่เราอยากรู้กับช่วง "อยากเล่า" ได้ทุกช่องทางด้านล่าง
Website : www.b-logfe.com
Facebook : B-logfé
Pinterest : B-logFé
TikTok : blogfe
Instagram : b_logfe.official