"จิบลิ" ชื่อนี้มีที่มาจากเครื่องบินตรวจการของประเทศอิตาลีที่ใช้ในทะเลทรายซาฮาร่า ซึ่งจะให้คำนิยามว่าเป็นสตูดิโอที่พัดเอากระแสลมลูกใหม่มายังอุตสาหกรรมอนิเมะของญี่ปุ่น
จากการที่เคยดูอนิเมะของสตูดิโอนี้มาเกือบทั้งหมดแล้วนั้น ทำให้เราเกิดความสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง ว่าการฉายแต่ละเรื่องในแต่ละปีของสตูดิโอจิบลินั้นมีความสัมพันธ์กันบ้างมั้ย เพราะทั้งฉาก ตัวละครและองค์ประกอบบางชิ้นดูคล้ายกัน แม้จะต่างเรื่องก็ตาม ในบทความนี้เราเลยจะมาคลายความสงสัยเรื่องนี้กัน
ลำดับการฉายแต่ละเรื่องจะมีความสัมพันธ์กับเรื่องก่อนหน้าหรือเรื่องหลังมั้ย การจัดองค์ประกอบ ฉาก ความเป็นตัวละคร มูดของผู้กำกับเดียวกันแต่ต่างเรื่องจะดูคล้ายกันมั้ย คล้ายกันที่ส่วนไหนบ้าง หลักๆ จะขอนำเสนอ 21 เรื่องหลักของสตูดิโอจิบลิ
เมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้กำกับในแต่ละเรื่อง คนที่ดูน่าจะเอ๊ะได้แล้วว่าจุดเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ของอนิเมะแต่ละเรื่องของผู้กำกับนั้นมีความเหมือนต่างกันยังไง แต่ละเรื่องมีอิทธิพลกับอะไรบ้าง ที่เราแยกตามผู้กำกับ ก็เพราะแนวทางการกำกับกับเรื่องราวความสนใจของผู้กำกับแต่ละคนนั้นต่างกัน
มาเริ่มดูกันที่คุณฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอนี้กันก่อนดีกว่า และเป็นผู้กำกับที่แสดงถึงตัวตนของเขาผ่านอนิเมะได้ชัดเจน
"ภาพยนตร์เป็นภาพสะท้อนของผู้กำกับ" ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้กำกับที่พูดถึงปรัชญานี้บ่อยๆ เขาเป็นลูกชายทายาทบริษัทผลิตปีกเครื่องบินรบซีโร่ให้กับกองทัพญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเหตุให้เรื่องราวในอนิเมะของเขาเต็มไปด้วยสงครามและเหล่าเครื่องบิน เครื่องร่อนต่างๆ รวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงครามอีกด้วย
ตัวดำเนินเรื่องสำคัญนั้นจะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิงที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวคล้ายผู้ชาย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา นั่นเพราะมิยาซากิผูกพันกับคุณแม่มาก ด้วยความคิดถึง เขานำแรงบันดาลใจจากคุณแม่มาสร้างเป็นตัวละครในหลายเรื่อง และเพื่อเติมเต็มกับสิ่งที่เขาอยากได้แต่ไม่สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน
ตัวละครในแต่ละเรื่องของเขาก็ดูจะได้รับแรงบันดาลใจต่อกันมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะตัวละครที่เหนือจินตนาการต่างๆ
ภาพ มุมและฉากที่เห็นถ้าได้ดูทุกเรื่องแล้ว ก็จะเอ๊ะแน่ๆ เพราะมุมบางมุมนั้นคล้ายกันมาก
ส่วนของผู้กำกับคนอื่นนั้น อาจจะยังเห็นไม่เป็นไปในทำนองเดียวกันได้อย่างชัดเจน แต่ทุกเรื่องล้วนหยิบยกและสอดแทรกปรัชญาของชีวิตกับธรรมชาติไว้มากมาย
แล้วลำดับการฉายของอนิเมะ (ขอยกมาแค่เรื่องของผู้กำกับฮายาโอะ มิยาซากิเท่านั้น) แต่ละเรื่องจะต้องมีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกันอย่างแน่นอน และเราจะมาดูแค่ลำดับการฉายจริง ซึ่งแรงบันดาลใจในการทำต่างๆ อาจไม่ได้ตรงทั้งหมด แต่นี่คือสิ่งที่เราเห็นและเชื่อมโยงได้ในลำดับเหล่านี้
1. อนิเมะเรื่องมหาสงครามหุบเขาแห่งสายลมคือจุดเริ่มต้น เมื่อเราสังเกตดูดีๆ เราจะเห็นอิทธิพลจากเรื่องนี้สู่เรื่องอื่นอยู่มาก เช่นคาแรกเตอร์ของตัวละครแมวที่ดูคล้ายกับเจ้ารถบัสแมวในโทโทโร่ มุมและฉากต่างๆ รวมถึงเหล่าตัวละครประกอบ แม้จะบอกว่าเป็นผู้กำกับเดียวกัน ลายเส้นก็ต้องเหมือนกันเป็นธรรมดา เราจะเห็นถึงฉากๆหนึ่ง ในมุมๆหนึ่ง ทำให้คิดถึงอีกเรื่องหนึ่งได้เลย
2. ตัวละครหญิงในลาพิวต้า ที่คล้ายกับตัวละครแม่มดกิกิเป็นอย่างมากรวมถึงเครื่องจักรในเหมืองและเรื่องราวที่ดูจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเครื่องจักรในเรื่องโมโมโนเกะและ Spirited Away อยู่ไม่น้อย นอกจากนั้นยังมีตัวละครอย่างหญิงชราไม่ว่าจะเป็นยูบาบาใน Spirited Away แม่มดแห่งทุ่งร้างใน Howl หัวหน้าโจรสลัดหญิงชราในลาพิวต้า หญิงชราในโปเนียว ล้วนมีลักษณะคล้ายกันทั้งนั้น
3. กองทัพเหล่าภูติในจินตนาการไม่ว่าจะเป็นก้อนฝุ่นสีดำในโทโทโร่กับ Spirited Away ภูติในป่าไม้อย่างโมโนโนเกะ เจ้าเมือกเหนียวๆ ที่ชอบมาพร้อมกับภูติปีศาจต่างให้อารมณ์ในทางเดียวกัน
4. มุมมองและฉาก ที่ดูแล้วทำให้หวนคิดถึงเรื่องอีกเรื่องได้ ราวกับว่านี่คือเอกลักษณ์งานกำกับของคุณฮายาโอะ มิยาซากิไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมุมที่ตัวเอกลอยอยู่บนอากาศอย่างลาพิวต้ากับ Spirited Away มุมกำลังวิ่งขึ้นเนินเขาทุ่งหญ้า ฉากของห้องที่ประดับประดาไปด้วยความวิบวับอย่างห้องของฮาวล์ ห้องของพ่อโปเนียว หรือแม้แต่มุมฉากในเมืองรวมถึงรถไฟ และเรื่องราวของสถาปัตยกรรมที่อยู่ใกล้น้ำอีก
5. เรื่องเครื่องบินและสงครามนั้นเป็นไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ชัดในทุกเรื่อง เพราะคุณฮายาโอะนั้นมีเรื่องราวผูกพันกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และมีแนวความคิดแบบสันตินิยม การสงครามในเรื่องจึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายในช่วงนั้น และสะท้อนให้เห็นถึงการต่อต้านได้อย่างชัดเจน
เอาล่ะถ้าลองไปสังเกตกันโดยการดูตั้งแต่ต้น และมองย้อนมาจะทำให้เกิดความเอ๊ะเข้ามาในใจกันอย่างแน่นอน เพราะเรื่องราวของผู้กำกับฮายาโอะนั้น ราวกับการนำความเป็นตัวเขา การนำความเป็นอนิเมะของเขาเข้ามาอยู่ในทุกเรื่อง และทำให้คิดถึงได้ในทุกเรื่องจริงๆ